2012年8月30日星期四

DRM (Digital Rights Management)

ความหมาย 
        ระบบ DRM (Digital Rights Management) คือระบบการจัดการสิทธิ์ของผู้ใช้ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล เป็นข้อกำหนดที่ว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูล ภายในสื่อก็มีลักษณะคล้าย ๆ กัน คือผู้ผลิตจะ กำหนดว่า ผู้ที่ซื้อสามารถทำอะไรกับสินค้าที่ซื้อไปได้บ้าง หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ที่ซื้อเพลงหรือภาพยนตร์ ที่มี DRM ติดมาด้วยนั้นจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง แต่จะเป็นเพียงผู้ที่มีสิทธิ์ในการเล่นสื่อ เท่านั้น นอกจากนั้น DRM ยังมีการกำหนดไว้อีกด้วยว่า ผู้ที่ซื้อสื่อเหล่านั้นจะสามารถเล่นได้ที่ไหน และ อย่างไร ซึ่งก็รวมถึงการอนุญาตให้มีการทำซ้ำหรือการทำสำเนาด้วย ในปัจจุบันได้มีการติดตั้ง DRM ลงไปไว้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น เครื่องเล่นดีวีดี เครื่อง iPod หรือแม้กระทั่งเครื่องพีซีที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์สก็มีการนำ DRM มาใช้แล้ว ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์อื่น ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะมีการนำ DRM มาติดตั้งไว้เช่นกัน

ประโยชน์ของ DRM
         1.ช่วยปกป้องข้อมูลไม่ให้ถูกคัดลอกได้อย่างอิสระ ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสโดยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และจะถอดรหัสได้ก็ต่อเมื่อผู้ชมได้รับสิทธิ์แล้วเท่านั้น
              2.ช่วยสร้างกระแสรายได้จากข้อมูลที่มีอยู่ สามารถเก็บเงินจากค่าดูข้อมูลที่มีอยู่ได้
              3.ลดค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย ไม่จำเป็นต้องลงทุนผลิตซีดีหรือดีวีดี รวมทั้งค่าหีบห่อ

ข้อจำกัดของ DRM รูปแบบต่าง ๆ
         ระบบ DRM จะป้องกันการนำไฟล์ไปใช้ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การคัดลอกและการทำสำเนาลงแผ่นซีดี / ดีวีดี โดยภาพรวมต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นว่า แต่ละวิธีที่นำมาใช้นั้นทำให้มีข้อจำกัดในการใช้งานอย่างไรบ้าง

ข้อควรระวังในการใช้สื่อที่มีระบบป้องกัน

1.เครื่องเล่นเพลง
               ถ้าผู้ซื้อต้องการคัดลอกเพลงใช้กับเครื่องเล่นแบบพกพา จะต้องระมัดระวังเรื่องรูปแบบ
ของไฟล์ เพราะเครื่องเล่นแต่ละรุ่นมีการสนับสนุนรูปแบบไฟล์ที่ไม่เหมือนกัน เช่น WMA ของ
Musicload หรือ M4P ของ iTunes ซึ่งเป็นวิธีป้องกันความผิดพลาดที่ดีที่สุดก็คือตรวจสอบความ
เข้ากันได้ของเครื่องเล่นกับไฟล์นั้น ๆ ก่อน

2.โทรทัศน์
                ในการซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ ทั้งแบบ LCD และพลาสมา ผู้ซื้อควรเลือกรุ่นที่สามารถใช้กับ
สื่อที่เป็นแบบ High Definition ได้เพราะไม่เช่นนั้นเครื่องจะไม่สนับสนุนระบบป้องกัน HDCP ที่จะ
ทำให้สามารถดูภาพยนตร์ที่มีคุณภาพสูงสุดเมื่อใช้สื่อบันทึกชนิดใหม่ เช่น แผ่น HD-DVD และ
แผ่น Blu-Ray

3.แผ่นซีดีเพลง / ภาพยนตร์ดีวีดี
                  แผ่นซีดีเพลงที่มีระบบป้องกัน DRM แบบใหม่ติดตั้งอยู่จะไม่สามารถนำไปใช้กับเครื่อง
เสียงติดรถยนต์ได้และโดยปกติแผ่นเหล่านี้ก็จะมีการระบุไว้ที่ข้างกล่องแล้ว ส่วนภาพยนตร์ดีวีดีนั้น
หากเครื่องเล่นที่ผู้ซื้อใช้ถูกกำหนดให้เล่นได้เฉพาะโซน ผู้ซื้อต้องดูให้ดีก่อนว่าแผ่นนั้นมีรหัสโซนที่
เหมาะสมกับเครื่องที่นำไปเล่นจริง ๆ

4.แผ่นเพลงดีวีดี
                   แผ่นบางแผ่นนั้นจะนำเอาการป้องกันในระดับฮาร์ดแวร์มาใช้ด้วย ซึ่งระบบป้องกันเหล่านี้
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบ DRM แบบใหม่ ซึ่งทำให้แผ่นไม่สามารถนำไปใช้กับเครื่องพีซีได้เลย ดังนั้น
ก่อนซื้อมาใช้งานผู้ซื้อควรตรวจสอบให้ดีก่อน โดยสังเกตได้จากข้างกล่องบรรจุ ซึ่งมักจะระบุให้
ทราบหากมีการใช้ระบบป้องกันลักษณะนี้

ตัวอย่างการทำ DRM Decryption ของไฟล์ WMV, WMA

                DRM คือการเอาไฟล์ WMV, WMA มาทำการเข้ารหัส เพื่อให้ไม่สามารถดูได้ การเปิดดูนั้นต้องใช้
License ในการเปิดดู ใน License จะมี KID และ SID เป็นคีย์ที่ใช้ในการถอดรหัสข้อมูลออกมา
ซึ่งทางผู้ให้บริการจะเป็นคนให้ License กับผู้ซื้อทุกครั้งที่เปิด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ให้บริการนั้นว่าจะให้ทำ


อะไรกับไฟล์ได้บ้าง เช่น


                   - Hiptv ดูได้ไม่จำกัด แต่เขียนลงแผ่นไม่ได้ Sync ลง Media อื่น ๆ ไม่ได้
                   - MIXIClub (ที่ขายเพลงของ RS) ให้ฟังได้ไม่จำกัด แต่เขียนเป็น CD Audio ได้ 3 ครั้ง
                 

                  การที่ไฟล์ถูกเข้ารหัสไว้ทำให้โปรแกรมอื่น ๆ ที่ไม่มีคีย์ที่ใช้ในการถอดรหัสข้อมูลออกเปิดดูไม่ได้ (รวมถึง แก้ไข ตัดต่อ เขียนลงแผ่น) เหมือนไฟล์นั้นเสีย

โปรแกรมและคุณสมบัติของเครื่องที่ต้องใช้ในการ Remove DRM
1. DecryptIt
2. Drmbdg
3. Windows Media Player
4. Windows ที่ไม่ได้อัพเดทบ่อย ๆ (เพราะมีอัพเดทบางตัวที่มีปัญหากับการใช้โปรแกรม Drmbdg)